โก๋หลังวัง คือคนรุ่นที่มีชีวิตช่วงวัยรุ่นอยู่ในปี พ.ศ. 2498 – 2510 เป็นสิบกว่าปีของการเปลี่ยนแปลงที่วัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอเมริกาไหลบ่าเข้ามาอย่างท่วมท้น คนรุ่นนี้ได้มีโอกาสเห็นและซึมซับเอาวัฒนธรรมที่ชื่นชอบ แปลกใหม่และท้าทายเหล่านั้นมาผสมผสานจนเกิดเป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น แตกต่างจากไลฟ์สไตล์ที่เคยเป็นมาของผู้คนในยุคนั้น บางพฤติกรรมอาจเป็นที่ขัดหูขัดตาขัดใจของผู้ใหญ่ เช่น การฟังเพลงสากลไม่ฟังเพลงไทย เต้นกระโดกกระเดก ทรงผมแปลกปั้นเป็นจะงอยยื่นออกมา หรือไว้จอนยาวหนาปื๊ด เป็นที่มาของการถูกเรียกขานว่า ชอบทำตัวเป็น “จิ๊กกะโล่” แล้วค่อยพูดสั้นเป็น “จิ๊กโก๋” และถูกตัดคำออกไปเหลือแต่คำว่า “โก๋”

วัฒนธรรมตะวันตกที่ส่งผลต่อค่านิยม ของวัยรุ่นในยุคโก๋หลังวัง

ความนิยมของวงดนตรีแจซแบนด์ที่บรรเลงเพลงในจังหวะละตินบอลล์รูมสวิง มาเป็นดนตรีที่ขนาดของวงเล็กลง และมีทำนองดนตรีที่เร่าร้อนขึ้น เช่น ร็อกแอนด์โรล ทวิสต์ลิมโบ้ อะโกโก้ ซึ่งวงดนตรี The Shadows ของอเมริกาก็ได้ส่งอิทธิพลต่อรูปแบบและสไตล์วงดนตรีของเมืองไทยเป็นอย่างมาก

อีกแบบอย่างจากวัยรุ่นอเมริกันที่เห็นจากภาพยนตร์ ถูกนำมาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของโก๋หลังวังในยุคนั้น คือการเต้นรำในงานปาร์ตี้ โดยจะรวมกลุ่มกัน มีการจัดหาสถานที่และจ้างวงดนตรีชาโดว์มาเล่นให้พวกตนได้เต้นกันเรียกขานกันว่า Tea Dance

สถานีวิทยุที่เปิดเพลงสากลยังมีไม่มาก วัยรุ่นจึงนัดมารวมตัวฟังเพลง ด้วยตู้เพลงหยอดเหรียญที่วางอยู่ตามมุมของร้านอาหารและเครื่องดื่ม

แหล่งรวมตัวของวัยรุ่นในยุคนั้นอีกแห่งคือ โรงภาพยนตร์สิงคโปร์ (ชื่อเดิม) หรือโรงหนังเฉลิมบุรี เป็นที่ตั้งของร้านต้นตำรับลอดช่องสิงคโปร์

โรงภาพยนตร์ที่บรรดานักเรียนนักศึกษานิยมในยุคนั้นจะฉายหนังฝรั่งเป็นส่วนใหญ่

 โรงภาพยนตร์แกรนด์

โรงภาพยนตร์ควีนส์

โรงภาพยนตร์เมโทร

โรงภาพยนตร์คิงส์

โรงภาพยนตร์พาราเมาต์

โรงภาพยนตร์เฉลิมเขตร์

แฟชั่นทรงผมและการแต่งตัวของเหล่าโก๋หลังวังในยุคนั้น มาจากการที่ได้รับอิทธิพลของดาราและภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่เข้ามาฉายในบ้านเรา

เจมส์ ดีน

ออเดรย์ เฮฟเบิร์น

มาร์ลอน แบรนโด

โรเบิร์ต เรดฟอร์ด

พอล นิวแมน

เกรซ เคลลี่